เปิดวิธีเช็ก’ใบสั่งออนไลน์’ จริงหรือปลอม?ทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองก่อนจ่ายค่าปรับ

ใครที่ยังไม่เคยโดน ใบสั่งออนไลน์ หรือ ใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Ticket) ซึ่งหน้าตาจะออกมาเป็นสลิปคล้ายใบเสร็จตามห้างสรรพสินค้า ก็คงจะต้องมีงง ๆ กันบ้าง โดยเฉพาะกรณีไม่ได้รับจากเจ้าหน้าที่โดยตรงในยุคที่แก๊งมิจฉาชีพระบาดหนัก ยิ่งชวนให้สงสัยและเกิดความลังเลว่า ใบสั่งเหล่านี้เป็นของปลอมหรือไม่ หากใครพบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วไม่แน่ใจ ก่อนเสียค่าปรับให้ลองตรวจสอบง่าย ๆ ด้วยตัวเองได้เลย
สำหรับ ใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ใบสั่งออนไลน์ จะมี QR Code ด้านล่างขวาระบุข้อความ ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถสแกนตรวจสอบใบสั่งของตัวเองผ่านเว็บไซต์ ptm.police.go.th เท่านั้น แต่จะต้องลงทะเบียนก่อนใช้งาน ดังนั้นหากไม่แน่ใจให้เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์เองได้เลยโดยตรง (ไม่ต้องสแกน) แล้วลงทะเบียนและตรวจสอบข้อมูล
หรือถ้าสแกนชำระเงินผ่าน QR Code ด้านซ้ายด้วย Mobile Banking จะขึ้นชื่อผู้รับโอน “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-ค่าปรับจราจร” เท่านั้น โดยยอดค่าปรับจะต้องแสดงตรงตามใบสั่ง (ไม่สามารถแก้ไขยอดได้)
ปัจจุบัน ใบสั่งของตำรวจจราจรจะมีอยู่ 3 รูปแบบหลัก คือ
ใบสั่งชนิดเขียนด้วยลายมือ
ใบสั่งส่งทางไปรษณีย์ (ตรวจจับด้วยกล้อง)
ใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ (ใบสั่งออนไลน์ หรือ e-Ticket)
ใบสั่งออนไลน์คืออะไร
ใบสั่งออนไลน์ หรือ ใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Ticket) คือ การออกใบสั่งผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพา มีหลายรูปแบบ มีทั้งหน้าตาคล้ายเครื่องรูดบัตรเครดิตรุ่นใหม่และสมาร์ตโฟน ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ติดตั้งแอปพลิเคชัน Police Ticket Management (PTM) สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกและพิมพ์ใบสั่งจากตัวเครื่องได้ทันทีที่พบเห็นผู้กระทำผิดซึ่งหน้า แค่ไม่ต้องเขียนบนกระดาษด้วยลายมือแบบเดิม
ข้อมูลในใบสั่งออนไลน์ของจริงจะมีเลขที่ใบสั่ง เลขทะเบียนและประเภทรถ ข้อหาการกระทำผิด จำนวนค่าปรับตามเกณฑ์ที่กำหนด ระยะเวลาในการชำระค่าปรับ สถานที่กระทำผิด วันที่ เวลา หน่วยงาน และชื่อเจ้าหน้าที่ที่ออกใบสั่ง ไว้อย่างครบถ้วนชัดเจน หรืออาจรวมข้อมูลใบขับขี่กรณีพบตัวผู้กระทำผิด
โดยด้านล่างสุดของใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์จะมี QR Code สำหรับชำระค่าปรับผ่านระบบ Mobile Banking ที่อยู่ฝั่งซ้าย เพื่อความสะดวก ส่วนด้านขวาเป็น QR Code ข้อมูลเพิ่มเติม คือเอาไว้สำหรับสแกนตรวจสอบใบสั่งออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ ptm.police.go.th
ใบสั่งออนไลน์ จ่ายที่ไหน
การจ่ายค่าปรับใบสั่งออนไลน์สามารถทำได้หลายช่องทาง ได้แก่
สแกน QR Code ท้ายใบสั่ง ด้วย Mobile Banking ใช้ธนาคารไหนอยู่ก็ใช้แอปพลิเคชันนั้น จะระบุว่าชำระแก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-ค่าปรับจราจร เท่านั้น
แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT (ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาติดตั้งบนสมาร์ตโฟนก่อน)
แอปพลิเคชัน เป๋าตัง (ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันมาติดตั้งบนสมาร์ตโฟนก่อน)
ที่ทำการไปรษณีย์ไทย (มีค่าธรรมเนียมต่อรายการ 15 บาท)
ตู้ ATM และตู้รับฝากเงินสด ADM (มีค่าธรรมเนียมต่อรายการ 15 บาท)
จุดชำระเงิน CenPay เช่น ที่ห้าง Central, ห้าง Robinson, แฟมิลี่มาร์ท, Tops, ร้าน B2S, Power Buy, Super Sports, HomeWork และไทวัสดุ เป็นต้น (มีค่าธรรมเนียมต่อรายการ 15 บาท)
ตู้บุญเติม (มีค่าธรรมเนียมต่อรายการ 20 บาท)
สาขาธนาคาร (มีค่าธรรมเนียมต่อรายการ 20 บาท)
จุดที่มีสัญลักษณ์ PTM ชำระค่าปรับจราจร
ตรวจสอบใบสั่งค้างชำระได้ที่ไหน
เช่นเดียวกับการตรวจสอบใบสั่งออนไลน์ หรือใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ คือสามารถเช็กได้ผ่านเว็บไซต์ ptm.police.go.th ซึ่งจะมีบริการหลายแบบ ดังนี้
ตรวจสอบใบสั่งออนไลน์
ตรวจสอบการค้างชำระค่าปรับ
แสดงประวัติการได้รับใบสั่งจราจร
ดูใบสั่งจราจรย้อนหลัง (ที่ยังไม่หมดอายุความ)
จ่ายค่าปรับ
ใบสั่งออนไลน์ ไม่จ่าย ได้หรือไม่
หากได้รับใบสั่งอิเล็กทรอนิกส์ หรือใบสั่งทุกรูปแบบ แล้วไม่ยอมไปชำระค่าปรับตามระยะเวลาที่กำหนด นอกจากจะมีการตัดคะแนนใบขับขี่แล้ว จะมีการส่งข้อมูลรถคันที่กระทำผิดไปยังกรมการขนส่งทางบก เพื่องดออกเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปี พร้อมกับพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกผู้ต้องหาเพื่อให้มาชำระค่าปรับ
แต่ถ้ายังไม่มาพบตามหมายเรียกครบ 2 ครั้ง พนักงานสอบสวนจะยื่นคำร้องขออนุมัติศาลในเขตพื้นที่เพื่อออกหมายจับ และเมื่อถูกออกหมายเรียกหรือหมายจับ ผู้ต้องหาจะถูกแจ้งข้อหาตามใบสั่ง และความผิดตามมาตรา 155 สำหรับผู้ที่ไม่ชำระค่าปรับในเวลาที่กำหนดในใบสั่งโดยไม่มีเหตุสมควร ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่รถทุกประเภทควรปฏิบัติตามกฎจราจร ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ไม่ต้องเสียค่าปรับ และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ แต่หากโดนใบสั่งไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราได้กระทำผิดจริงหรือไม่ เป็นใบสั่งออนไลน์ปลอมหรือของจริง ก่อนชำระค่าปรับทุกครั้ง
ขอบคุณข้อมูลจาก : gcc.go.th, ptm.police.go.th



