ไม่ปล่อยให้รอนาน!’แม็คโคร’วัดใจโชห่วยไทยปั้นร้าน ‘บัดดี้ มาร์ท’ชนถูกดีฯ เครือคาราวกรุ๊ป

แม้ว่าเชนค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) จะขยายตัวเพิ่มขึ้นเพียงไร หรือบรรดาแพลตฟอร์ม e-Commerce และ Social Commerce จะเติบโตรวดเร็วเพียงใด แต่สำหรับสังคมไทยแล้ว ‘ร้านโชห่วย’ หรือ ร้านขายของชำ ยังคงมีเสน่ห์และผูกพันกับวิถีชีวิตคนไทย
ยิ่งในสถานการณ์ COVID-19 ที่ผู้คนต้องใช้ชีวิตอยู่กับบ้านมากขึ้น ทำให้คนลดดการเดินทางไปซื้อสินค้าที่ร้านค้าขนาดใหญ่ และหันมาซื้อสินค้าจากร้านค้าใกล้บ้านแทน
ปัจจุบันตัวเลขจำนวนร้านโชห่วยที่มีอยู่กว่า 4 แสนร้านค้าทั่วประเทศ ถือเป็นเครือข่ายทรงพลังและยังเป็นเครือข่ายที่เข้าถึงผู้บริโภคระดับรากหญ้าได้เป็นอย่างดี จึงไม่แปลกที่ถนนทุกสายกำลังไหลมาที่โชห่วย โดยเฉพาะการขยับตัวของผู้เล่นรายใหญ่ทั้งยักษ์ค้าปลีกและซัพพลายเออร์เจ้าของสินค้าที่เข้าไปสร้างเครือข่ายด้วยการดึงร้านโชห่วยเข้ามาอยู่ในเครือข่ายของตนเอง
โดยมีพี่ใหญ่อย่าง ‘คาราบาว กรุ๊ป’ ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกด้วยการเปิดร้านที่ใช้ชื่อว่า ‘ถูก ดี มีมาตรฐาน’ นำร่อง ไปเมื่อ 2 ปีก่อน และกำลังขยายตลาดอย่างต่อเนื่องในเวลานี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘ไทยเบฟ’ซื้อใจโชห่วย ปั้น ‘ร้านโชคชัย’ ต่อยอดธุรกิจปลายน้ำ ตั้งเป้า 1 หมื่นสาขาทั่วไทย
- คำต่อคำ’เสถียร เศรษฐสิทธิ์’เจ้าพ่อคาราบาวแดง กับภารกิจปล่อยกู้ดัน ‘ร้านถูกดีฯ’ แตะ 30,000 สาขาทั่วไทย
- วัดใจโชห่วย!’คาราบาว’ผนึกเคแบงก์เท 1.5 หมื่นล้าน ติดปีกร้าน’ถูกดี’ ทะยาน 3 หมื่นสาขาทั่วไทย
การขยับตัวของคาราวบาวกรุ๊ปทำให้ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่างบิ๊กซี โลตัส ไม่พลาดที่จะต่อยอดด้วยการเร่งสร้างเครือข่ายร้านค้าโชห่วยของตัวเองขึ้นมา กลายเป็นสงครามการแข่งขันที่น่าจับตามองไม่น้อย
ล่าสุด ‘แม็คโคร’ ถือเป็นผู้เล่นรายล่าสุดในการขยับตัวดึงพันธมิตรที่เป็นร้านโชห่วย ตลอดจนคนสนใจทำร้านค้าปลีกขนาดเล็ก เพื่อเปิดเป็นร้านค้าปลีกเครือข่ายภายใต้ชื่อ ‘บัดดี้ มาร์ท’
การเข้ามาชิงร้านโชห่วยให้เข้ามาอยู่ในเครือข่ายของตัวเองในคร้ังนี้ ถือเป็นการประกาศศักดาบรรดายักษ์ใหญ่ของบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นร้านถูกดี มีมาตรฐาน ของทีดี ตะวันแดง ในเครือคาราบาว กรุ๊ป ที่เพิ่งเปิดตัวผู้ร่วมลงทุนรายใหม่คือธนาคารกสิกรไทยที่เข้ามาลงทุนด้วยงบถึง 15,000 ล้านบาท
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมี 2 ยักษ์ใหญ่ในไฮเปอร์มาร์เก็ตอย่างโลตัส ที่มีการทำร้านนี้ ขายดี และบิ๊กซี ที่มีร้าน โดนใจ ซึ่งเป็นการรุกเข้ามาเพื่อดึงร้านโชห่วยให้เข้ามาเป็นพันธมิตรเพื่อเปิดร้านค้าดังกล่าว ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมกระทบกับการช่วงชิงลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการร้านโชห่วย ซึ่งเป็น 1 ในกลุ่มเป้าหมายสำคัญของแม็คโคร
ขณะที่แม็คโคร เอง มีการทำตลาดกับร้านโชห่วยมายาวนาน ด้วยรูปแบบของการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดี ผ่านโครงการ’มิตรแท้ โชห่วย’ ที่เป็นการร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเข้าไปให้ความรู้ ในการทำร้านโชห่วยให้มีการเติบโตอย่างมั่นคงและช่วยยกรดับการทำร้านโชห่วยในชุมชนให้กลายเป็น “สมาร์ท โชห่วย” ที่นอกจาการยกระดับการบริการจัดการแล้ว ยังมีการสร้างรายได้เพิ่มจากการขายสินค้าอื่นๆ นอกจากสินค้า FMCG ที่ขายอยู่เดิม
ส่วนการเปิดบัดดี้ มาร์ท จะเป็นการดึงผู้ที่สนใจจะทำร้านโชห่วยที่มีการยกระดับการบริหารจัดการที่ทันสมัย โดยบัดดี้ มาร์ท นี้ จะมีค่าใช้จ่ายในการทำประมาณ 4 แสนบาท แยกเป็นค่ามัดจำอุปกรณ์ประมาณ 2 แสน และค่าตกต่างร้านอีก 1 – 2 แสนบาท ทางแม็คโคร จะลงสินค้าให้เต็มร้าน และจะไม่มีการหักกำไรหรือเสียค่าธรรมเนียมใดๆ อีก
ร้านบัดดี้ มาร์ท นั้น มีความหลากหลายในเรื่องขนาดหรือพื้นที่ขายของร้านค่อนข้างมาก ไล่ตั้งแต่ ร้านที่เป็นแพ็กเกจไซส์ S มีขนาด น้อยกว่า 50 ตร.ม.มีสินค้าในร้านประมาณ 1,600 รายการ แพ็กเกจไซส์ M ขนาด 51 – 100 ตร.ม สินค้า ประมาณ 2,200 รายการ และแพ็กเกจไซส์ L ขนาดมากกว่า 100 ตร.ม.มีสินค้าประมาณ 3,000 รายการ
คุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าร่วมเครือข่ายร้านบัดดี้ มาร์ท นั้น จะต้องผู้ประกอบการเดิม หรือผู้ที่อยากทำธุรกิจโชห่วยและมินิมาร์ท มีใจรักบริการ และมีความตั้งใจอยากจะพัฒนาร้านค้า มีเงินลงทุนตกแต่งร้านเริ่มต้น 100,000 – 200,000 บาท มีเงินค้ำประกัน 200,000 บาท โดยมีสัญญาระยะเวลา 3 ปี
จุดเด่นของร้านบัดดี้ มาร์ทนั้น จะเป็นร้านค้าปลีกรูปแบบสมัยใหม่ ที่ตอบสนองความต้องการของชุมชนด้วย สินค้าคุณภาพ และบริการที่ครบถ้วนจากประสบการณ์กว่า 16 ปี ในการเป็นคู่คิดธุรกิจ “มิตรแท้โชห่วย” ของแม็คโคร โดยมีสินค้าครบ มีความหลากหลายตามความต้องการของลูกค้าชุมชน มีระบบจัดการร้านด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย การจัดส่งและบริหารสต๊อก ได้รับสินค้าครบ ตรงเวลา การตกแต่งร้าน และจัดเรียงสินค้า สวยงาม ตลอดจนมีโปรโมชั่นดึงดูดลูกค้า และเพิ่มยอดขาย รวมถึงมีคำแนะนำและปรึกษาจากทีมงานมืออาชีพในการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
‘บัดดี้ มาร์ท’ เป็นโครงการที่เริ่มในปีนี้ โดยเริ่มจากภาคกลาง ก่อนขยายไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคอื่นๆ ซึ่งจุดแข็งหนึ่งของความเป็นแม็คโคร คือ การมีสาขาที่ครอบคลุมหลายจังหวัด และสาขาเหล่านั้นก็มีทีมงานที่ทำในเรื่องของการหาเครือข่ายร้านค้ารวมถึงการทำเรื่องมิตรแท้ชุมชนที่สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ประกอบการร้านค้าในพื้นที่ เชื่อว่า บัดดี้ มาร์ท จะเป็นอีกเครือข่ายที่จะเข้ามาช่วยต่อยอดให้ซัพพลายเชนในเรื่องของโชห่วยมีความแข็งแกร่งและเติบโตในระยะยาว
สิ่งที่เป็นจุดแข็งของแม็คโครก็คือ การทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นโชห่วยมาอย่างยาวนาน ทำให้มีฐานลูกค้ากลุ่มนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกัน เครือข่ายสาขาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ก็เข้ามาเป็นเน็ตเวอร์คที่สำคัญในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้แบบลงลึก การเข้าใจตลาดทำให้ สามารถส่งต่อ ตลอดจนดีไซน์ร้าน และนำเสนอสินค้าในร้านได้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีบรรดายักษ์ค้าปลีกหลายรายที่นำร่องมาแล้วอย่าง โลตัส เปิดตัวโครงการ ‘ร้านนี้ ขายดี’ แบรนด์น้องใหม่ล่าสุดเพื่อยกระดับโชห่วยไทยและสร้างอาชีพเพื่อสังคมให้เป็นเจ้าของกิจการแบบ 100% แบบไม่ต้องแบ่งกำไรกับใครโดยมี เงื่อนไขดังนี้ ผู้ร่วมเครือข่าย จะเป็นคนออกเงินทุนในการตกแต่งร้านค้า โดยรูปแบบของร้านจะเหมาะกับขนาดของพื้นที่ซึ่งจะมีทีมงานของโลตัสเป็นคนให้คำแนะนำ รวมถึงแนวทางในการตกแต่งตลอดจนอุปกรณ์เข้าร้าน และสามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินตามที่ผู้ร่วมโครงการเลือกเองหรือโลตัสเป็นคนแนะนำ
นอกจากนี้ โลตัสยังมาพร้อม 20 จุดเด่นเพื่อให้ร้านโชวห่วยตัดสินใจร่วมธุรกิจได้ง่ายขึ้น อาทิ มีของสดของแห้งและของใช้ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน มีกาแฟและเครื่องดื่มโดย Jungle Mini ยกระดับชุมชนและสังคมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย สั่งสินค้าและบริหารสต็อคได้ด้วยตัวเอง มีต้นทุนสินค้าที่แข่งขันได้ เก็บกำไรได้เต็มจำนวน มีรูปแบบร้านค้าที่หลากหลายเหมาะสมกับทุกขนาดพื้นที่ให้เลือก เปิด ปิดร้านได้ตามใจคุณ เริ่มต้นลงทุน 200,00-400,000 บาท ระยะเวลาสั้นเพียง 1 ปี หากต้องการจำหน่ายสุราและบุหรี่ สามารถขอคำปรึกษาได้ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า รูปแบบร้านขายดีของโลตัสคร้ังนี้คล้ายร้านโดนใจที่ออกมาก่อนหน้านี้ นั่นคือ การสั่งสินค้า ตลอดจนการรักษายอดขาย เปรียบเหมือนนักมวยที่ต้องมีค่ายมวยให้สังกัด เพื่อการทำงานที่ง่ายขึ้น สามารถแข่งขันได้ และที่สำคัญช่วยให้ดำเนินธุรกิจและยกระดับร้าน เป็นอีกทางเลือกนหนึ่งของร้านโชวห่วยไทย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ยักษ์ใหญ่ไทยเบฟฯ เข้าร่วมวงร้านโชห่วยซึ่งถือเป็นธุรกิจปลายน้ำด้วยการเปิดตัวโปรเจกรูปแบบร้านค้าที่ใช้ชื่อว่า ร้านโชคชัย เพื่อเป็นการเปิดทางให้ร้านโชห่วยเฉพาะร้านที่มียอดสั่งซื้อสินค้าจากพนักงานขายหน่วยรถเงินสด หรือ แคชแวนที่วิ่งส่งสินค้าทั่วราชอาณาจักรของไทยเบฟฯ ตามที่กำหนดเข้าร่วมโครงการ
ทั้งนี้ หน่วยรถแคชแวนจะมีหน้าที่ทำการสำรวจ ประเมินร้านค้าที่เข้าข่าย โดยร้านค้าที่ผ่านคุณสมบัติกับร้านโชคชัยที่มาพร้อมสโลแกน ‘ขายดี มีกำไร ใส่ใจความสัมพันธ์’ จะได้รับสิ่งต่างๆ ดังนี้ 1. ตกแต่งให้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย 2.ซื้อง่าย ขายคล่อง สินค้าดีมีกำไร 3.บริการจัดเรียงสินค้า คัดเลือกสินค้าขายดี ทำกำไรสู้กับร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่ หาสินค้าถูกตังค์ ส่งให้
นอกจากนี้ ประเภทร้านโชคชัย จะพิจารณาตกแต่งร้านตามเงื่อนไข ความเหมาสมและขนาดของร้านค้าเพื่อปรับภาพลักษณ์ร้านค้าให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจัดรายการส่งเสริมการขาย ทั้งการระบายสินค้าออก กิจกรรมเพิ่มกำไรการขาย กิจกรรมจัดเรียงเบียร์ในตู้แช่ กิจกรรมจัดเรียงสุรา ตลอดจนกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ ประจำเดือน
จะเห็นได้ว่า การลงสนามของยักษ์ใหญ่ไทยเบฟในครั้งนี้ก้าวข้ามข้อจำกัด ที่คู่แข่งอย่างร้านถูกดีมีมาตรฐานหลายประการ ทั้งการตกแต่งร้านค้าซึ่งผู้ที่เข้าร่วมกับร้านถูกดีฯ ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง รวมทั้งการวางเงินค่าประกันหรือเงินมัดจำราว 200,000 บาทอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ ‘บิ๊กซี’ อีกหนึ่งธุรกิจในอาณาจักรเจ้าสัวไทยเบฟ เคยเปิดตัวร้านที่ใช้ชื่อว่า ‘ร้านโดนใจ’ หวังพลิกฟื้นโชห่วยด้วยการชูจุดเด่นเงินมัดจำที่ 1 แสนบาทน้อยกว่าค่ายคู่แข่งร้านถูกดีมีมาตรฐานที่ตั้งไว้ 2 แสนบาท
นอกจากเงินมัดจำจะจ่ายน้อยกว่าแล้ว ร้านโดนใจ ยังนำเสนอค่าบริการจากยอดขายที่ 0.5% ต่อเดือน (ค่าบริการขั้นต่ำ 5,000 บาท) ตกแต่งร้านให้ใหม่ มูลค่า 100,000-400,000 บาท ลงทุนอุปกรณ์ภายในร้าน โดยมี 3 รูปแบบคือไซส์ S 1คูหา พื้นที่ร้าน 40-60 ตารางเมตร สินค้า 1,300 รายการ
ต้องวัดกันอีกครั้งว่า ในสมรภูมิสำคัญอย่างค้าปลีก โดยเฉพาะโชห่วยไทย การแข่งขันจะดุเด็ดเผ็ดมันส์ขนาดไหน และใครจะได้ใจโชห่วยไทยไปครอง บอกได้คำเดียว งานนี้เดือดแน่นอน…
ขอบคุณข้อมูล: BrandAge